กลยุทธ์สร้างประสบการณ์ในยุค Touchless ธุรกิจ SME ควรเดินหน้าอย่างไร? เมื่อการเว้นระยะห่างส่งผลต่อการตลาด

16 มี.ค. 2565

SME Playbook

นับจากวันแรกที่ COVID-19 เริ่มแพร่ระบาด ผู้คนต้องปรับตัวเข้ากับกฎระเบียบและมาตรการเว้นระยะห่างสังคม เพื่อลดการสัมผัสระหว่างบุคคล รวมถึงเพิ่มความปลอดภัยด้านสุขอนามัยให้มากที่สุด ทำให้ยุคนี้กลายเป็นยุคของการลดการสัมผัสหรือ “Touchless Society” และแน่นอน “Touchless Society” กลายเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับธุรกิจทุกประเภทโดยเฉพาะธุรกิจ Micro SME ที่ส่วนใหญ่พึ่งความเป็นเอกลักษณ์ของสินค้าหรือบริการในการทำตลาด เมื่อลดการสัมผัส เว้นระยะ เกิดขึ้น การที่จะสร้างประสบการณ์ใหม่กับกลุ่มเป้าหมายย่อมทำได้ยากขึ้น วันนี้ SME กล้าให้จะพาคุณไปรู้จักกับกลยุทธ์เพื่อสร้างประสบการณ์ในยุค Touchless ให้ธุรกิจ Micro SME ก้าวผ่านข้อจำกัดในครั้งนี้ไปได้
 

6144d1309edac2.jpg


Tester Products
สำหรับธุรกิจ Micro SME ที่มีฐานลูกค้าอยู่แล้ว สามารถลองส่งผลิตภัณฑ์ขนาดทดลองของสินค้าที่เราต้องการโปรโมทให้กับลูกค้า เมื่อลูกค้าได้ทดลองใช้แล้วถูกใจอาจทำให้เกิดการซื้อ และอาจช่วยบอกต่อกับคนรอบตัวอีกด้วย ทั้งนี้ก่อนการจะส่งสินค้าให้ลูกค้าได้ทดลองใช้ ควรพิจารณาให้ถี่ถ้วน ทั้งในแง่ของคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ความเหมาะสมกับระหว่างสินค้าและผู้ที่ได้รับ ไม่เช่น การสร้างโอกาสก็อาจเปลี่ยนเป็นทำลายโอกาสได้เช่นกัน

6144d130c63e43.jpg


Influencer Review
ในปัจจุบันเมื่อผู้บริโภคสนใจผลิตภัณฑ์หรือบริการใดๆ มักจะหาข้อมูลก่อนซื้อหรือใช้บริการก่อนอยู่เสมอ การเลือกใช้ Influencer เข้ามาเป็นผู้ถ่ายทอดประสบการณ์ให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการให้กับธุรกิจ Micro SME จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะนอกจาก Influencer จะสามารถถ่ายทอดประสบการณ์ การใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการได้เป็นอย่างดี เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วแล้ว Influencer ยังมีเครดิตความน่าเชื่อถือมีอิทธิพลต่อความคิดความรู้สึกกับกลุ่มผู้ติดตามอีกด้วย ทั้งนี้เราควรเลือกใช้ Influencer ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่เราสื่อสาร เน้นการนำเสนอที่เป็นธรรมชาติและจริงใจ เพื่อป้องกันกระแสด้านลบที่อาจตีกลับมายังผลิตภัณฑ์หรือบริการของเรา

6144d1306e5624.jpg

Virtual Reality (VR)
เมื่อสัมผัสของจริงไม่ได้ ก็สร้างบรรยากาศจำลองมาซะเลย Virtual Reality หรือ VR คือเทคโนโลยีที่สร้างบรรยากาศหรือเหตุการณ์เสมือนจริง ในปัจจุบันเริ่มที่นำมาใช้ในการทำตลาดแล้วโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ประเภทอุปโภค เครื่องสำอางและสินค้าแฟชั่น โดยคุณสามารเถเห็นสีลิปสติกที่คุณสนใจจำลองลงบนริมฝีปากของคุณ ได้แบบง่ายๆ ผ่านมือถือหรือเทปเลตโดยที่คุณไม่ต้องออกจากที่พักไปยังร้านค้าหรือเคาน์เตอร์เครื่องสำอางเลยสักนิด แม้ว่า Virtual Reality หรือ VR จะยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นและมีค่าใช้จ่ายในการพัฒนาที่ค่อนข้างสูง แต่ถ้าหากได้เริ่มศึกษา วางแผน หรือลงมือก่อนย่อมดีต่อธุรกิจ Micro SME ของคุณแน่นอน

หลายคนอาจมองว่าวิกฤตการแพร่ระบาดของ COVID-19 ใกล้จะถึงจุดคลี่คลายแล้ว กลยุทธ์ที่ว่ามาอาจไม่จำเป็นอีกต่อไป แต่ด้วยระยะที่ยาวนานในช่วงแพร่ระบาดของ COVID-19 เกือบ 2 ปี ส่งผลให้วิถีชีวิตของผู้คนเริ่มเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะมาตรการ Work From Home กลายเป็นตัวเร่งให้ผู้คนเกิดความเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปจากเดิม แน่นนอนว่าทุกคนยังคงต้องการเข้าสังคมเหมือนเดิม แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็เริ่มต้องการพื้นที่ส่วนตัวให้ตัวเองมากขึ้น นั่นหมายความว่าจากเดิมที่พวกเขาใช้ชีวิตนอกที่พัก 80% อาจละดลงเหลือสัก 50-60% โดยเวลาที่ลดลง ผู้คนคงที่ต้องเลือกตัดกิจกรรมที่มีความสำคัญน้อยสุดออกก่อน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโอกาสในการสร้างการตลาดของเหล่าธุรกิจ Micro SME และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมคุณจึงควรเริ่มวางกลยุทธ์เพื่อรองรับ “Touchless Society” ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง

สาระ SME น่ารู้ที่เกี่ยวข้อง