16 ส.ค. 2565
SME Trend
Brand Collab เป็นคำย่อมาจากคำว่า Brand Collaboration เป็นการตลาดที่ร่วมมือกันระหว่างสองแบรนด์เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ และออกสินค้าใหม่ๆ ร่วมกัน เพื่อดันยอดขาย รวมถึงการเพิ่มฐานลูกค้า ส่วนใหญ่มักจะมาจากฐานลูกค้าของแบรนด์ฝั่งตรงข้าม แถมยังทำให้แบรนด์เกิดความแปลกใหม่ ในธุรกิจ SME สามารถนำข้อดีที่ได้จากการ Collab มาประยุกต์ให้เข้ากับธุรกิจ เพื่อกระตุ้นยอดขายหรือเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ ซึ่งจะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
1. สร้างฐานลูกค้าใหม่
เมื่อต้องการทำ Collab นอกจากต้องการยอดขายแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จก็คือการเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ ให้รู้จักแบรนด์มากขึ้น มีโอกาสได้ใช้สินค้ามากขึ้น เพื่อให้เกิดซื้อใช้ซ้ำในภายหลัง ฐานลูกค้ากลุ่มเดิมที่อาจจะเริ่มห่างหายจากแบรนด์ จะรู้สึกถึงความแปลกใหม่ และมีโอกาสอย่างมากที่จะถูกกระตุ้นให้กลับมาซื้ออีกครั้งได้เช่นกัน
2. สร้างยอดขาย
ปกติการร่วมมือกันระหว่างสองแบรนด์จะทำให้เกิดความสนใจมากกว่าปกติ และได้รับการตอบรับที่ดี เพราะลูกค้าจะให้ความสนใจกับอะไรใหม่ๆ อยู่แล้ว เมื่อเกิดการซื้อก็มักจะนำมาอวดรวมถึงรีวิวในพื้นที่โลกออนไลน์ของตนเอง หรือในบางคนอาจจะรีวิวแบบบอกต่อ ซึ่งเป็นการช่วยโปรโมทให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี ลูกค้าใหม่ๆ เมื่อเห็นกระแสตอบรับที่ออกมาก็มักจะเกิดความสนใจและความต้องการนั่นเอง
3. สร้างความแปลกใหม่
การจับมือกันระหว่างสองแบรนด์จะทำให้ผู้คนเกิดความสนใจขึ้นอยู่เสมอ และจะเกิดความคาดหวังให้งานนั้นออกมาดีสมกับการเฝ้ารอ แม้ว่าจะเป็นการ Collab กันแล้วเคมีออกได้เข้ากันหรือไม่เข้ากัน ผู้คนก็จะยังคงให้ความสนใจจนเกิดเป็นกระแสได้แน่นอนอยู่ที่ว่าสมกับการรอคอยของฐานแฟนคลับที่เคารพต่อแบรนด์นั้นๆ มากน้อยแค่ไหน แต่อย่างน้อยก็เกิดเป็นภาพลักษณ์ใหม่ๆ ให้กับแบรนด์ สร้างความแปลกใหม่ให้กับลูกค้า
4. สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า
การนำสินค้าระหว่างสองแบรนด์มารวมเข้าด้วยกันจะทำให้เกิดเป็นสินค้าที่มักจะออกมาแบบ Limited Edition ซึ่งส่วนใหญ่จะนำออกมาขายแค่ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง และหายไปจนถึงขั้นไม่มีวางขายอีก ทำให้ลูกค้าของแต่ละแบรนด์เกิดความต้องการและแข่งกันซื้อเพื่อสะสมเอาไว้ ทำให้สินค้าที่ออกมาจากการ Collab มักจะมีมูลค่าที่ด้วยตัวของมันเอง จากการเป็นสินค้าที่ไม่ได้มีออกมาวางขายอยู่บ่อยๆ
1. จับคู่เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่เราไม่มี
อย่าลืมว่าหัวใจหลักของการ Collab คือการเติมเต็มส่วนที่ธุรกิจ SME ของเรายังไม่มี มากไปกว่านั้น เราสามารถเติมเต็มธุรกิจให้คู่ค้าได้ด้วยเช่นกันหรือไม่ เพราะหากไม่เช่นนั้นการทำ Collab ก็อาจไม่ประสบผลสำเร็จเมื่อมีฝ่ายด่ายหนึ่งลงทุนหรือเหนื่อยมากกว่า การจับคู่ที่ Match กันตั้งแต่เริ่มต้นนับว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง
2. ฉับไวทันกระแส
เมื่อสินค้าที่รวมกันระหว่างสองแบรนด์ออกวางจำหน่าย แฟนคลับของแต่ละแบรนด์มักจะให้ความสนใจและต้องการซื้อมากกว่าปกติเนื่องจากสินค้าที่ออกมามักเป็น Limited Edition ที่ออกมาขายแค่ช่วงระยะนึงเท่านั้น แต่กระแสที่เกิดขึ้นจากการเปิดตัวมีแนวโน้มจะน้อยลงเรื่อยๆ จากการตลาดใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา และความต้องการของลูกค้าเปลี่ยนแปลงไป
3. มั่นใจว่าสินค้าเป็นที่ต้องการ
ควรวิเคราะห์สิ่งที่ได้หลังจากการวางขาย ว่าลูกค้ามีแนวโน้มที่ชอบอะไร ชอบแบบไหน หรือลูกค้าของแบรนด์ฝั่งตรงข้ามมีความต้องการในด้านไหน เพื่อนำมาปรับใช้ให้เข้ากับแบรนด์ของตน เพื่อดึงดูดความสนใจและความต้องการซื้อในสินค้าถัดไปในอนาคต แม้ว่าจะไม่ได้เป็นสินค้าที่เกิดจากการ Collab หรือสินค้า Limited Edition ก็ตาม